![]() |
ธาตุแมกนีเซียม |
แมกนีเซียมเป็นโลหะเนื้อแข็ง
เบา จุดหลอมเหลวสูง ใช้ประโยชน์ในรูปโลหะและโลหะผสม เนื่องจากศักย์ไฟฟ้าของ Mg2+ ต่ำมาก
ไม่สามารถหาตัวรีดิวซ์ที่เหมาะสมมารีดิวซ์ Mg2+ ให้เป็น Mg ได้ การผลิตโลหะ Mg จึงใช้วิธีแยกสารประกอบของแมกนีเซียมโดยใช้กระแสไฟฟ้าโดยใช้วัตถุดิบจากน้ำทะเลโดยมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 แยก Mg2+ ที่ละลายอยาในน้ำทะเล
โดยเติมสารละลายเบสจะได้ Mg(OH)2
Mg+(aq) + 2OH–(aq) Mg(OH)2(s)
ขั้นที่ 2 กรองแยก Mg(OH)2 แล้วเติมสารละลายกรดไฮโดรคลอริกให้ได้สารละลาย MgCl2
Mg(OH)2(s) + 2HCl(aq) MgCl2(aq) + 2H2O(l)
ขั้นที่ 3 ระเหยน้ำเพื่อให้ได้ MgCl2 ที่เป็นของแข็ง
เมื่อนำไปให้ความร้อนจนหลอมเหลวแล้วผ่านกระแสไฟฟ้าจะเกิดปฏิกิริยาดังสมการ
แคโทด : Mg2+(l) + 2e– Mg(l)
แอโนด : 2Cl–(l) Cl2(g) + 2e–
ปฏิกิริยารวม : Mg2+(l) + 2Cl–(l) Mg(l) + Cl2(g)
การผลิตโลหะแมกนีเซียมจากแร่
เนื่องจากแหล่งแร่ธาตุแมกนีเซียมที่สำคัญที่สุดคือ น้ำทะเล ทำให้มีหลายประเทศที่พัฒนา
เทคโนโลยีการผลิตโลหะแมกนีเซียมจากน้ำทะเล เช่น สหรัฐอเมริกา นอร์เวย์
และอังกฤษ แต่ใช้
ต้นทุนการผลิตที่สูงมาก นอกจากน้ำทะเลแล้วยังมีแหล่งแร่ที่สำคัญอื่นๆ
เช่น แมกนีไซต์ (MgCO3)
โดโลไมต์ (CaCO3.MgCO3) และคาร์นัลไลต์
(KCl.MgCl2) โดยแร่โดโลไมต์พบมากในสหรัฐอเมริกาแร่คาร์นัลไลต์พบมากในรัสเซียและเยอรมัน
สำหรับแร่แมกนีไซต์มีพบในหลายแหล่งเช่น จีน รัสเซีย ตุรกี เกาหลีเหนือ สโลวาเกีย ออสเตรีย และ ออสเตรเลีย
เป็นต้น ปริมาณการผลิตแร่แมกนีไซต์ในประเทศต่างๆ ระหว่างปี 2544-2548 สำหรับประเทศไทยมีแหล่งแร่โดโลไมท์บริเวณจังหวัดกาญจนบุรีและชลบุรี และมีแร่แมกนีไซต์บริเวณจังหวัดจันทบุรี
กระบวนการถลุงแร่แมกนีเซียมที่สำคัญสามารถทำใน 2 วิธี คือ การใช้ความร้อน และการ
แยกด้วยกระแสไฟฟ้า โดยแต่ละวิธีมีรายละเอียดดังนี้
วิธีการใช้ความร้อน (Thermal technique)
เริ่มจากการนำแร่ในรูปของ MgCO3 ไปเผาเพื่อเปลี่ยนสภาพเป็นแมกนีเซียมออกไซด์
จากนั้น
จะนำไปผสมกับถ่านโค้กที่ทำจากน้ำมันดิบแล้วอัดเป็นก้อน แล้วเผาที่อุณหภูมิ 2,500 oC ภายใน
บรรยากาศของก๊าซไฮโดรเจน คาร์บอนจะทำปฏิกิริยาดึงออกซิเจนจากแมกนีเซียมออกไซด์ได้
แมกนีเซียมในสภาพเป็นไอกับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ดังสมการ MgO + C Mg + CO
จากนั้นจะปล่อยให้ไอแมกนีเซียมออกจากเตาเผาและทำให้เย็นตัวอย่างรวดเร็วจนถึง
อุณหภูมิ 120 oC แมกนีเซียมจะกลั่นตัวเป็นผลึกของโลหะแมกนีเซียม
ซึ่งจะต้องนำไปหลอมต่อในเตาสูญญากาศเพื่อผลิตเป็นโลหะแท่ง วิธีการใช้ความร้อนอาจใช้ธาตุซิลิกอนเป็นตัวรีดิวเซอร์ก็ได้
โดยนำแร่โดโลไมท์ที่ใช้เป็นวัตถุดิบไปเผาให้แร่เปลี่ยนสภาพเป็น MgO และ CaO ที่อุณหภูมิ 1,000-1,000 oC แล้วนำมาผสมกับผงเฟอร์โรซิลิกอนในอัตรา 5:1 อัดให้เป็นก้อน
แล้วเผาที่อุณหภูมิ 1,160-1,170 oC จะได้ แมกนีเซียมในสภาพก๊าซดังสมการ
และปล่อยให้ไอแมกนีเซียมเย็นตัวเป็นผงโลหะแมกนีเซียม แล้วนำไปหลอมเป็นโลหะแท่งต่อไป
2MgO
+ 2CaO + Si(Fe) Ca2SiO4 + 2 Mg + Fe
วิธีการแยกด้วยกระแสไฟฟ้า
(Electrolysis)
การแยกโลหะแมกนีเซียมด้วยกระแสไฟฟ้ามีหลักการคล้ายกับการแยกโลหะอะลูมิเนียมด้วยกระแสไฟฟ้าคือ
ต้องประกอบด้วยอิเล็กโทรไลต์และวัตถุดิบหรือสารประกอบของแมกนีเซียมที่จะนำมาแยกเอาโลหะแมกนีเซียม
โดยวัตถุดิบที่ใช้ได้แก่ แร่คาร์นัลไลต์และน้ำทะเลซึ่งเป็นแร่ที่มีองค์ประกอบของแมกนีเซียมคลอไรด์
แต่วัตถุดิบทั้งสองต้องนำไปผ่านกรรมวิธีเพิ่มความเข้มข้นให้แร่ให้มีเปอร์เซ็นต์สูงก่อนอิเล็กโทรไลติกเซลล์ประกอบด้วยถังเหล็กบุด้วยอิฐทนไฟ
ตรงกลางจะมีแท่งกราไฟต์ทำหน้าที่เป็นขั้วแอโนด โดยมีแผ่นเหล็กสองแผ่นยื่นลงไปเพื่อทำหน้าที่เป็นขั้วแคโทดโดยมีสายไฟไปต่อกับขั้วลบของแหล่งไฟฟ้า
เช่นเดียวกันก็จะมีสายไฟต่อจากแท่งกราไฟต์ไปยังขั้วบวกของแหล่งไฟฟ้า ด้านบนจะมีฝาทำด้วยวัสดุทนไฟปิดสนิทและมีท่อเจาะไว้เพื่อระบายก๊าซคลอรีนออกไป
สารละลายอิเล็กโทรไลต์ที่ใช้ในกรรมวิธีนี้จะประกอบด้วยสารประกอบ MgCl กับ KCl ซึ่งจะมีจุดหลอมเหลวประมาณ 700 oC เมื่อเพิ่มอุณหภูมิสารอิเล็กโทรไลต์จนถึงช่วง
690-720 oC จะเกิดการแตกตัวเป็นไอออนของสารประกอบคลอไรด์ที่ความต่างศักย์ต่ำกว่าโซเดียมและโปแตสเซียม
ไอออนของแมกนีเซียมจะวิ่งไปที่ขั้วแคโทดส่วนไอออนคลอไรด์จะไปที่ขั้วแอโนดหรือแท่งกราไฟต์
เนื่องจากโลหะแมกนีเซียมมีความหนาแน่น 1.47 ในขณะที่สารอิเล็กโทรไลต์มีความหนาแน่น
1.7 ดังนั้นโลหะแมกนีเซียมจะลอยขึ้นมาที่ผิวด้านบนบริเวณแผ่นเหล็กแคโทด
เมื่อสะสมปริมาณมากขึ้นก็จะดูดโลหะแมกนีเซียมเพื่อนำไปเทเป็นโลหะแท่งต่อไปอุตสาหกรรมแมกนีเซียมของประเทศไทยการบริโภค
โลหะแมกนีเซียมของประเทศไทยในแต่ละปีมีจำนวนไม่มากนัก โดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตโลหะผสม
เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์อุตสาหกรรมหล่อโลหะ และอุตสาหกรรมเคมี
โดยในปี 2550 มีปริมาณการใช้โลหะแมกนีเซียม 1,110 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ
140 ล้านบาท แต่เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีโรงงานผลิตโลหะแมกนีเซียมทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด
โดยประเทศคู่ค้าที่ไทยนำโลหะแมกนีเซียมเข้ามากที่สุดคือ จีน โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ
90 ของการนำเข้าทั้งหมด
จัดทำโดย
นายไพรัช อัญชูลี เลขที่ 1
น.ส.กิตติมา บ่อสารคาม เลขที่ 9
น.ส.รุจิรา หล้าชิด เลขที่ 14
น.ส.สุพรรษา ดาวคล้อย เลขที่ 16
น.ส.ศรัญญา
คัมภิรานนท์ เลขที่
29
น.ส.ขนิษฐา
รุ่งฤทธิ์ เลขที่ 30
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1
เสนอ
อาจารย์ ยุพิน หอมสุข
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สระบุรี
พบกันได้ทาง https://www.facebook.com/rung.zasedssad และ https://www.facebook.com/modkittima
พบกันได้ทาง https://www.facebook.com/rung.zasedssad และ https://www.facebook.com/modkittima